ถ้าพูดถึง SEO ทุกคนก็จะนึกถึงการทำอันดับบน Search engine ซึ่งมีวิธีการทำที่หลากหลายและก็มีปัจจัยต่างๆ มากถึง 200 Factors ที่จะส่งผลใน การทำ SEO แต่คนทำ SEO ไม่จำเป็นต้องทำทุกปัจจัยก็ได้ คำถามต่อมาคือ แล้วเราจะเลือกทำที่ปัจจัย ไหนดีล่ะ ถึงจะส่งผลดีต่อการจัดอันดับ SEO
โดยคุณ Aleh Barysevich ผู้ก่อตั้ง Link-Assistant.com บริษัทผู้พัฒนา Powersuite โปรแกรมทำ SEO ยอดนิยมอีกหนึ่งตัวในตลาด ได้บอกว่า จากการศึกษาจากบริษัทด้าน Search ดังๆ หลายแห่ง ทำให้พบว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์นั้นมีอยู่ 4 ข้อ ซึ่งก็คือ
1. คอนเทนต์ (Content)
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ คอนเทนต์ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่มีความสำคัญที่สุดในการจัดอันดับของ Google แต่อาจจะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างจากเดิมที่มีการใส่ Keyword เข้าไปจนไม่เป็นธรรมชาติ จนมาเป็นการเขียนคอนเทนต์ที่มีความเกี่ยวข้องและเขียนได้เป็นธรรมชาติมากกว่า โดย Google จะประเมินคอนเทนต์จากความเกี่ยวข้องของเนื้อหามากกว่าการดูว่ามี Keyword แทรกอยู่ในบทความหรือไม่
นอกจากนี้คอนเทนต์ที่มีเนื้อหายาวๆ จะสามารถทำอันดับได้ดีกว่าคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาสั้นๆ เพราะว่าคอนเทนต์ยาวๆ จะทำให้เราสามารถใส่รายละเอียด หรือบอกเล่าข้อมูลต่าง ๆ ได้ดีกว่าคอนเทนต์สั้นๆ อีกทั้งยังพบว่าคอนเทนต์ที่ติดอันดับบน Mobile ควรจะมีความยาว 2 ใน 3 ของความยาวของคอนเทนต์ที่ติดอันดับอยู่ใน Desktop
2. แบล็กลิงก์ (Backlink)
อีกหนึ่งปัจจัยหลักสำคัญซึ่ง Google ใช้ในการจัดอันเว็บไซต์นั่นก็คือ Backlink หากจำนวนของ Backlink มากๆ ก็ยิ่งส่งผลดีต่อคะแนน SEO แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเป็น Backlink ที่มีคุณภาพ และมาจากโดเมนเนมที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น โดยการที่จะทำให้ Backlink มีคุณภาพนั่นก็มาจากคอนเทนต์ที่มีคุณภาพนั่นเอง เมื่อมีคนได้อ่านคอนเทนต์ก็มีโอกาสที่เขาจะทำ Backlink กลับมายังคอนเทนต์นั้นๆ และการที่คอนเทนต์ของคุณได้รับ Backlink ที่มีคุณภาพจำนวนมาก ก็จะเป็นกุญแจสำคัญต่อการจัดอันดับ SEO คือ
- จำนวนของ Backlink
- คุณภาพของ Backlink
- ความหลากหลายของ Backlink
3. ประสบการณ์ผู้ใช้บนมือถือครั้งแรก (Mobile-First User Experience)
Mobile-friendly คือการเข้าถึง Mobile Platform และสามารถใช้งานได้ไม่แตกต่างจาก Desktop ด้วยเหตุผลที่อุปกรณ์มือถือสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่ายดาย จึงทำให้ Mobile-friendly เป็นมาตรฐานที่ทุกเว็บไซต์ควรจะต้องมี ซึ่ง Google ได้ออกมาเปิดเผยว่า มีเว็บไซต์ 85% สามารถทำได้ถึงตามเกณฑ์ของ Google
นอกจากนี้ Google ยังได้ออกมาเตือนสำหรับผู้ที่จะทำเว็บไซต์เวอร์ชั่น Mobile อาจจะส่งผลเสียต่ออันดับการค้นหา ถ้าคุณปล่อยมันออกมาโดยที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ ความเร็วภายในเว็บไซต์สำหรับ Mobile ควรจะโหลดได้ภายใน 2 วินาทีหรือน้อยกว่านั้น
4. เทคนิคอื่นๆ (Other Technical Factors)
นอกจาก 3 ปัจจัยที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ยังมีปัจจัยด้านเทคนิคที่สามารถส่งผลกระทบต่อ SEO อย่างเช่น
- Encryption ซึ่งจะพบว่า google ให้ความสำคัญกับการใช้ HTTPS เพราะความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
- H1 and H2 Headings จากการสำรวจพบว่า เว็บไซต์ที่ติดอันดับส่วนมากมีการใช้ H1 และ H2 ที่หน้า Landing Page
- Anchor text การที่คุณใส่ Keyword เข้าไปใน Anchor text ส่งผลต่ออันดับของเว็บไซต์ แต่ถ้าคุณใช้มันเยอะเกินไป Google จะมองว่าเป็นสแปมและจะลงโทษเว็บไซต์คุณได้ ดังนั้นควรจะทำให้ดูเป็นธรรมชาติและหลากหลาย
- Interstitials หรือที่เราเรียกว่าเป็นโฆษณาตัวคั่นที่สร้างความก่อกวนให้กับผู้ใช้งาน เช่น Pop-up โฆษณาต่างๆ ที่โผล่มาตอนเข้าสู่เว็บไซต์ โดยโฆษณาเหล่านี้ Google มองว่าเป็นอะไรที่เข้าไปก่อกวนผู้ใช้งาน และมีบทลงโทษกับเว็บไซต์ที่ทำโฆษณาแบบนี้ด้วย
จาก 4 ปัจจัยที่สำคัญที่สุดใน การทำ SEO ที่ได้นำมาฝากในวันนี้ คนที่ทำ SEO ก็คงจะรู้อยู่แล้ว แต่ที่ได้นำมาให้อ่านก็เพื่อเป็นการย้ำว่าปัจจัยเหล่านี้ยังคงเป็นสิ่งสำคัญและไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง รับทำ SEO